
ดูส่วนผสม 5 อันดับแรกที่มีปริมาณสูงสุดในส่วนผสม
หลีกเลี่ยงผลิตภัณฑ์จากเนื้อสัตว์หรือสัตว์ปีก: หากมีคำว่า "ผลิตภัณฑ์จากเนื้อสัตว์" อยู่ในรายการส่วนผสม ไม่แนะนำให้ซื้อ เนื่องจากผลิตภัณฑ์เหล่านี้มักเป็นส่วนประกอบที่ไม่ดีของสัตว์ ส่วนผสมเนื้อสัตว์ต้องระบุอย่างชัดเจนว่าเป็นเนื้อสัตว์ประเภทใด เช่น เนื้อไก่ เนื้อวัว เป็นต้น หากระบุว่าเป็น "เนื้อสัตว์ปีก" หรือ "เนื้อสัตว์" เพียงอย่างเดียว ควรยกเว้นผลิตภัณฑ์เหล่านี้

ไม่ควรมีส่วนผสมของธัญพืชมากเกินไป: หากส่วนผสมมากกว่าสามในห้าอย่างเป็นธัญพืช ถือว่าไม่ผ่านเกณฑ์ แม้ว่าธัญพืชบางชนิด เช่น ข้าวกล้องและข้าวโอ๊ต จะอุดมไปด้วยใยอาหารธรรมชาติและสารอาหารที่มีประโยชน์ แต่การใส่ธัญพืชมากเกินไปในอาหารแมวอาจทำให้สัดส่วนโปรตีนจากเนื้อสัตว์ลดลง และแมวเป็นสัตว์กินเนื้อ ดังนั้นสารอาหารหลักควรมาจากเนื้อสัตว์

ดูไขมันในส่วนผสม
1. ระบุแหล่งที่มาของไขมันให้ชัดเจน: ส่วนผสมของไขมันควรระบุอย่างชัดเจนว่าเป็นไขมันจากสัตว์หรือสัตว์ปีกประเภทใด เช่น ไขมันไก่ ไขมันเนื้อวัว เป็นต้น หากมีการระบุเพียงว่า "ไขมันสัตว์" หรือ "ไขมันสัตว์ปีก" เท่านั้น ขอแนะนำว่าไม่ควรเลือกผลิตภัณฑ์ดังกล่าว
2. การใช้ไขมันจากพืช: อาหารแมวคุณภาพสูงบางชนิดใช้ไขมันจากพืช เช่น น้ำมันลินสีด น้ำมันปลา เป็นต้น น้ำมันเหล่านี้มีประโยชน์ต่อสุขภาพของแมว โดยเฉพาะน้ำมันที่อุดมไปด้วยกรดไขมันโอเมก้า 3 และโอเมก้า 6

ดูที่สารกันบูดในส่วนผสม
1. หลีกเลี่ยงการใช้สารกันบูดเคมี: หากมีสารกันบูด เช่น BHA, BHT หรือ Ethozyquin อยู่ในรายการส่วนผสม ขอแนะนำว่าไม่ควรซื้อ เนื่องจากรายงานความปลอดภัยของ BHA และ BHT ยังไม่ครอบคลุมเพียงพอ และ Ethozyquin ถูกห้ามใช้ในอาหารของมนุษย์
2. เลือกใช้สารกันบูดจากธรรมชาติ: ให้ความสำคัญกับอาหารแมวที่ใช้สารกันบูดจากธรรมชาติ เช่น วิตามินซี วิตามินอี หรือน้ำมันโรสแมรี่

ดูการวิเคราะห์คุณค่าทางโภชนาการ
1. เลือกอาหารให้เหมาะกับสภาพร่างกายของแมว: อาหารแมวแต่ละยี่ห้อและแต่ละประเภทมีอัตราส่วนทางโภชนาการที่แตกต่างกัน คุณจำเป็นต้องเข้าใจสภาพร่างกายของแมวก่อนตัดสินใจซื้อ หากแมวผอม คุณสามารถเลือกอาหารแมวที่มีโปรตีนและไขมันสูงได้
2. พิจารณาความต้องการพิเศษ: แมวบางตัวอาจมีความต้องการพิเศษ เช่น อาหารแมวที่สัตวแพทย์สั่งจ่าย ปัจจัยเหล่านี้ต้องพิจารณาอย่างครอบคลุมเมื่อซื้อ

ลูกแมว
ลูกแมวมีความต้องการสารอาหารสูงกว่าแมวโตเต็มวัย ในช่วงการเจริญเติบโตและพัฒนาการต้องการโปรตีนมากขึ้น โดยเฉพาะไลซีน ทริปโตเฟน และอาร์จินีน นอกจากนี้ การพัฒนากระดูกยังต้องการแคลเซียม แมกนีเซียม ฟอสฟอรัส และวิตามินดีในปริมาณที่สูงขึ้น เรตินอล (วิตามินเอ) มีบทบาทสำคัญในการมองเห็น การเจริญเติบโต การแบ่งตัวของเซลล์ และระบบภูมิคุ้มกันของลูกแมว
อาหารแมวโต
ความต้องการสารอาหารของแมวโตเต็มวัยต่ำกว่าลูกแมว เนื่องจากพัฒนาการทางสรีรวิทยาของแมวโตเต็มวัยได้พัฒนาเต็มที่แล้ว ประกอบกับกิจกรรมประจำวันและการบริโภคพลังงานค่อนข้างต่ำ อาหารแมวโตเต็มวัยจำเป็นต้องตอบสนองความต้องการสารอาหารพื้นฐานของแมวโตเต็มวัย แต่ไม่จำเป็นต้องมีส่วนผสมของพลังงานสูงมากเกินไป

อาหารแมวทั้งตัว
อาหารแมวแบบเม็ด หมายถึง อาหารแมวที่สามารถตอบสนองความต้องการทางโภชนาการของแมวในทุกช่วงวัย ไม่ว่าจะเป็นลูกแมว แมวตั้งท้อง แมวให้นม แมวโต และแมวสูงอายุ คุณค่าทางโภชนาการของอาหารแมวประเภทนี้ต้องสูงเพียงพอต่อความต้องการสูงสุดในช่วงวัยลูกแมว เพื่อให้มั่นใจว่าแมวในแต่ละช่วงวัยได้รับสารอาหารที่เพียงพอต่อความต้องการ
สรุป
เมื่อเลือกอาหารแมว คุณควรให้ความสำคัญกับผลิตภัณฑ์ที่มีส่วนผสมที่ชัดเจน โภชนาการที่สมดุล และใช้สารกันบูดจากธรรมชาติ แมวแต่ละช่วงวัยมีความต้องการทางโภชนาการที่แตกต่างกัน ดังนั้นคุณควรเลือกให้เหมาะสมกับสภาพของแมวขณะเลือกซื้อ นี่เป็นวิธีเดียวที่จะทำให้แมวของคุณเติบโตอย่างแข็งแรง

เวลาโพสต์: 03 มิ.ย. 2567